ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ เฟซบุ๊ก (Facebook) ยื่นหนังสือปลด มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก พ้นตำแหน่งประธานบริหารเฟซบุ๊ก หลังมีข่าวต่อเนื่อง ทั้งปัญหาข้อมูลผู้ใช้ ไปจนถึงประเด็นทางการเมือง กรมบัญชีกลาง เผย เฟซบุ๊กจะก้าวพ้นวิกฤตนี้ไปได้ ต่อเมื่อตำแหน่งประธานบริหารเป็นอิสระ
เฟซบุ๊กเคยถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่ามีการบริหารจัดการภายในไม่ต่างกับประเทศที่มีเผด็จการเป็นผู้นำ เนื่องจากอำนาจส่วนใหญ่อยู่ในมือของ มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก แต่เพียงผู้เดียว โดยก่อนหน้านี้ในช่วงต้นปี 2561 สมาชิกกองกิจการการเกษียณอายุราชการครู ประจำรัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นของเฟซบุ๊ก ได้ออกมาให้ความเห็นกับ เดอะ ไฟแนนเชียล ไทมส์ ว่า เฟซบุ๊กได้เติบโตขึ้นมากอย่างเหลือเชื่อ ระบบอะไรต่าง ๆ มันเปลี่ยนแปลงไปแล้ว เรื่องการเงินการลงทุนก็เปลี่ยนไปแล้ว ดังนั้นมันก็ถึงเวลาแล้ว ที่เฟซบุ๊กจะเปลี่ยนแปลงรูปแบบการบริหารเสียใหม่
ผู้ถือหุ้นรายนี้ยังตั้งข้อสันนิษฐานอีกว่า การที่ ซัคเคอร์เบิร์ก อยากกุมอำนาจการบริหารเอาไว้ น่าจะเพราะว่าเขาไม่ต้องการให้รัฐบาลเข้ามายุ่งเกี่ยว ซึ่งถ้ามันเป็นเช่นนั้นแล้วละก็ ความฝันแบบอเมริกันในตอนนี้ ก็เผด็จการดี ๆ นี่เอง
ภาพจาก PK Studio / Shutterstock.com
"ในปัจจุบัน เฟซบุ๊กได้ก้าวขึ้นมามีบทบาทอย่างมาก ทั้งในด้านสังคม และเศรษฐกิจ พวกเขามีความรับผิดชอบทางสังคมและมีการเงินที่โปร่งใส นั่นเป็นสาเหตุสำคัญที่เราต้องการเรียกร้องให้บอร์ดบริหารของเฟซบุ๊กมีความเป็นอิสระและมีความรับผิดชอบมากกว่านี้ เมื่อบอร์ดบริหารเป็นอิสระแล้ว มันจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้เฟซบุ๊กรอดจากความวุ่นวายสับสนที่เกิดขึ้น และมันจะเป็นการรื้อฟื้นความเชื่อมั่นของผู้คนให้กลับมาอีกครั้ง และจะทำให้ความน่าเชื่อถือในหมู่นักลงทุน กลับมาด้วยเช่นกัน" สก็อตต์ สตริงเจอร์ ตัวแทนจากกรมบัญชีกลาง กล่าว
ทั้งนี้หนังสือแสดงเจตจํานงเรื่องการปลด ซัคเคอร์เบิร์ก จะถูกนำขึ้นมาหารือและตัดสินใจอีกครั้ง ในการประชุมผู้ถือหุ้นใหญ่ประจำปีของเฟซบุ๊ก ในปี 2562 ซึ่งไม่ว่าผลการโหวตจะออกมาเป็นอย่างไร มันก็จะสร้างความเปลี่ยนแปลงภายในอย่างแน่นอน และมันยังเป็นการแสดงออกในเชิงสัญลักษณ์ถึงซัคเคอร์เบิร์ก ด้วยว่า อำนาจของเขา มันเปลี่ยนผ่านมาอยู่ในมือบอร์ดบริหารแล้ว
ภาพจาก ALEX WONG / GETTY IMAGES NORTH AMERICA / AFP
เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2561 เว็บไซต์อินดิเพนเดนท์ รายงานว่า สถานการณ์ภายในของ เฟซบุ๊ก (Facebook) ในขณะนี้
กำลังอยู่ในช่วงที่ค่อนข้างระส่ำระสาย
และอาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในอนาคต
โดยเหล่าผู้ถือหุ้นรายใหญ่ต้องการปลด มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก (Mark
Zuckerberg) ออกจากเก้าอี้ผู้มีอำนาจสูงสุดของเฟซบุ๊ก
เนื่องจากกระแสข่าวฉาวและปัญหาใหญ่ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ตั้งแต่เรื่องปัญหาข้อมูลผู้ใช้รั่วไหล
การแลกเปลี่ยนข้อมูลกับผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือยักษ์ใหญ่ของจีน
รวมทั้งเรื่องประเด็นทางการเมือง ที่เป็นเรื่องใหญ่มาก
เพราะเฟซบุ๊กมีเอี่ยวด้าน "โฆษณาชวนเชื่อ"
ในช่วงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อปี 2559
เฟซบุ๊กเคยถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่ามีการบริหารจัดการภายในไม่ต่างกับประเทศที่มีเผด็จการเป็นผู้นำ เนื่องจากอำนาจส่วนใหญ่อยู่ในมือของ มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก แต่เพียงผู้เดียว โดยก่อนหน้านี้ในช่วงต้นปี 2561 สมาชิกกองกิจการการเกษียณอายุราชการครู ประจำรัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นของเฟซบุ๊ก ได้ออกมาให้ความเห็นกับ เดอะ ไฟแนนเชียล ไทมส์ ว่า เฟซบุ๊กได้เติบโตขึ้นมากอย่างเหลือเชื่อ ระบบอะไรต่าง ๆ มันเปลี่ยนแปลงไปแล้ว เรื่องการเงินการลงทุนก็เปลี่ยนไปแล้ว ดังนั้นมันก็ถึงเวลาแล้ว ที่เฟซบุ๊กจะเปลี่ยนแปลงรูปแบบการบริหารเสียใหม่
ผู้ถือหุ้นรายนี้ยังตั้งข้อสันนิษฐานอีกว่า การที่ ซัคเคอร์เบิร์ก อยากกุมอำนาจการบริหารเอาไว้ น่าจะเพราะว่าเขาไม่ต้องการให้รัฐบาลเข้ามายุ่งเกี่ยว ซึ่งถ้ามันเป็นเช่นนั้นแล้วละก็ ความฝันแบบอเมริกันในตอนนี้ ก็เผด็จการดี ๆ นี่เอง
ภาพจาก PK Studio / Shutterstock.com
รายงานระบุว่า ผู้ที่ยื่นหนังสือขอปลด ซัคเคอร์เบิร์ก ลงจากตำแหน่งประธานบริหารของเฟซบุ๊ก คือ
กองบริการการเงินและการลงทุนของมหานครนิวยอร์ก
ร่วมกับบริษัทจัดการอสังหาริมทรัพย์ ทริลลัม (Trillium Asset Management)
และนักลงทุนและผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของเฟซบุ๊ก (ไม่เปิดเผยนาม)
จากรัฐอิลลินอยส์ เพนซิลเวเนีย และโรดไอส์แลนด์ โดยเหล่าผู้ถือหุ้นกล่าวว่า
แนวทางการบริหารในปัจจุบัน
ได้ทำให้สถานะของเฟซบุ๊กและนักลงทุนอยู่ในความเสี่ยง
ดังนั้นเฟซบุ๊กจึงควรปรับตัวให้มีแนวทางเหมือน ๆ
กับบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่หลาย ๆ แห่ง เช่น แอปเปิล (Apple) ไมโครซอฟท์
(Microsoft) และ กูเกิล (Google) ที่ตำแหน่งประธานบริษัท กับประธานบริหาร
แยกเป็นอิสระจากกัน
"ในปัจจุบัน เฟซบุ๊กได้ก้าวขึ้นมามีบทบาทอย่างมาก ทั้งในด้านสังคม และเศรษฐกิจ พวกเขามีความรับผิดชอบทางสังคมและมีการเงินที่โปร่งใส นั่นเป็นสาเหตุสำคัญที่เราต้องการเรียกร้องให้บอร์ดบริหารของเฟซบุ๊กมีความเป็นอิสระและมีความรับผิดชอบมากกว่านี้ เมื่อบอร์ดบริหารเป็นอิสระแล้ว มันจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้เฟซบุ๊กรอดจากความวุ่นวายสับสนที่เกิดขึ้น และมันจะเป็นการรื้อฟื้นความเชื่อมั่นของผู้คนให้กลับมาอีกครั้ง และจะทำให้ความน่าเชื่อถือในหมู่นักลงทุน กลับมาด้วยเช่นกัน" สก็อตต์ สตริงเจอร์ ตัวแทนจากกรมบัญชีกลาง กล่าว
ทั้งนี้หนังสือแสดงเจตจํานงเรื่องการปลด ซัคเคอร์เบิร์ก จะถูกนำขึ้นมาหารือและตัดสินใจอีกครั้ง ในการประชุมผู้ถือหุ้นใหญ่ประจำปีของเฟซบุ๊ก ในปี 2562 ซึ่งไม่ว่าผลการโหวตจะออกมาเป็นอย่างไร มันก็จะสร้างความเปลี่ยนแปลงภายในอย่างแน่นอน และมันยังเป็นการแสดงออกในเชิงสัญลักษณ์ถึงซัคเคอร์เบิร์ก ด้วยว่า อำนาจของเขา มันเปลี่ยนผ่านมาอยู่ในมือบอร์ดบริหารแล้ว